พ่วงแบตรถยนต์ ทำยังไง? สรุปวิธีจัมพ์แบตที่ถูกต้องและปลอดภัย

วิธี พ่วงแบตรถยนต์ จัมพ์แบต
การเลือกซื้อ สายพ่วงแบตเตอรี่

ในยามที่รถแบตหมด แบตเสื่อม และเกิดอาการสตาร์ทไม่ติด สกิลการ พ่วงแบตรถยนต์ คือทักษะจำเป็นที่คุณต้องงัดมาใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ให้รถคันโปรดกลับมาสตาร์ทติดและใช้งานได้อีกครั้ง หลาย ๆ คนที่เป็นมือใหม่ หรือเพิ่งมีรถคันแรก วันนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์อย่าง CARSOME ขออาสาพามาดู วิธีพ่วงแบตรถยนต์ ที่ถูกต้องและปลอดภัย ให้คุณผู้หญิงและคุณผู้ชายสามารถจัมพ์แบตรถยนต์ได้ด้วยตัวเองอย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น

ซื้อรถยนต์มือสอง กับ CARSOME การันตีคุณภาพรถยนต์ ผ่านการตรวจเช็กอย่างละเอียดถึง 175 จุดพร้อมปรับสภาพให้ได้มาตรฐาน รับประกันสูงสุด 2 ปีเต็ม ราคาโปร่งใส คุ้มค่า ซื้อไปแล้วไม่พอใจ การันตีคืนเงินเต็มจำนวนภายใน 30 วัน

พ่วงแบตรถยนต์ ไม่ยากอย่างที่คิด
วิธีพ่วงแบตรถยนต์ข้อควรระวังระหว่างพ่วงแบตรถยนต์อาการแบตรถเสื่อม มีอะไรบ้าง?สายพ่วงแบตรถยนต์ เลือกซื้ออย่างไร?

วิธีพ่วงแบตรถยนต์ สกิลที่คุณควรรู้

1. เตรียมสายพ่วงแบตเตอรี่

อย่างที่หลายคนทราบดี ว่าสายพ่วงแบตหรือสายจัมพ์แบต คือไอเทมสำคัญที่ควรมีติดรถเอาไว้เสมอ เพราะเมื่อรถสตาร์ทไม่ติด หรือแบตหมดกระทันหัน สายพ่วงแบตนี้เองที่จะช่วยให้คุณเอาตัวรอดได้ โดยปัจจุบันนี้ เราสามารถหาซื้อสายจัมพ์แบตได้ง่ายมากขึ้น ทั้งในร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า รวมถึงช่องทางออนไลน์ต่างๆ เองก็มีวางจำหน่ายในราคาไม่แพง ข้อสำคัญคืออย่าลืมเลือกซื้อสายจัมพ์แบตที่มีความยาวเพียงพอ ไม่สั้นมากเกินไป เพื่อให้ใช้พ่วงแบตรถยนต์ ได้ง่ายยิ่งขึ้น

2. ดับเครื่องยนต์และปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าของรถทั้งสองคัน

เมื่อได้รถคันที่มาช่วยแล้ว ให้ทำการนำรถทั้งสองคันมาจอดหันหน้าเข้าหากัน เว้นระยะห่างเล็กน้อย จากนั้นดับเครื่องยนต์และปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดให้เรียบร้อย เพราะเป็นการป้องกันการเกิดประกายไฟระหว่างการ พ่วงแบตรถยนต์ หลังจากนั้นให้เปิดฝากระโปรงรถยนต์ทั้งสองคันขึ้น และเตรียมต่อสายพ่วงแบตเตอรี่

3. ต่อสายพ่วงแบตรถยนต์

  • ใช้สายพ่วงแบต (หรือที่บางคนเรียกว่าสายจัมพ์แบต) ต่อพ่วงระหว่างแบตเตอรี่ของรถยนต์ทั้งสองคัน นำสายพ่วงสีแดงต่อเข้ากับขั้วบวกแบตเตอรี่ของรถคันที่แบตหมด นำปลายสีแดงของสายพ่วงอีกด้านต่อเข้ากับขั้วบวกแบตเตอรี่ของรถคันที่มาช่วย 
  • จากนั้นใช้สายพ่วงสีดำ พ่วงเข้ากับขั้วลบแบตเตอรี่ของรถคันที่มาช่วย และสายพ่วงสีดำอีกด้านหนึ่งที่เหลือ ให้หนีบไว้ที่ตัวถังรถหรือบริเวณที่เป็นโลหะของรถยนต์ (ข้อควรระวัง ห้ามใช้สายพ่วงสีดำพ่วงกับขั้วลบแบตเตอรี่ของรถคันที่แบตหมด เพราะอาจเกิดอันตรายได้)

4. สตาร์ทเครื่องยนต์

เมื่อต่อสายพ่วงแบตเตอรี่ตามขั้วบวก-ขั้วลบเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมา ให้ทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ของรถยนต์คันที่มาช่วยจัมพ์แบต สตาร์ททิ้งไว้ประมาณ 3-4 นาที และเร่งคันเร่งเบาๆ เพื่อให้เกิดการถ่ายเทประจุไฟฟ้า จากนั้นดับเครื่อง แล้วให้สตาร์ทเครื่องยนต์ของรถยนต์คันที่แบตหมด ทำการเร่งเครื่องเบาๆ โดยครั้งนี้ให้สตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ 1-2 นาที ดูว่ามีประจุไฟฟ้าเข้ามาที่แบตเตอรี่เพียงพอแล้วหรือยัง (ข้อควรระวัง ห้ามสตาร์ทรถสองคันพร้อมกัน เพราะอาจเกิดอันตรายได้)

5. ถอดสายพ่วงแบตเตอรี่

การถอดสาย พ่วงแบตรถยนต์ จำเป็นจะต้องระมัดระวังลำดับขั้นตอนการถอดให้ดี ดังนี้

  1. ถอดสายสีดำที่หนีบตัวถังรถหรือบริเวณที่เป็นโลหะของรถคันที่แบตหมด
  2. ถอดสายสีดำออกจากขั้วลบแบตเตอรี่รถคันที่มาช่วย
  3. ถอดสายสีแดงออกจากขั้วบวกแบตเตอรี่รถคันที่มาช่วย
  4. ถอดสายสีแดงออกจากขั้วบวกแบตเตอรี่รถคันที่แบตหมด

ข้อควรระวังระหว่าง พ่วงแบตรถยนต์

วิธีพ่วงแบตรถยนต์นั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย แต่เพียงต้องศึกษาอย่างถูกวิธี และระมัดระวังให้มาก เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อตัวรถและผู้ใช้รถได้ ดังนี้

  • ระวังไม่ให้สายจัมพ์ต่างขั้วมาสัมผัสหรือโดนกัน อาจเกิดการลัดวงจรได้
  • ห้ามสตาร์ทรถสองคันพร้อมกัน
  • ห้ามพ่วงสายพ่วงแบตสีดำกับขั้วลบแบตเตอรี่ของรถคันที่แบตหมด
  • ห้ามทำอะไรที่ก่อให้เกิดประกายไฟ เช่น สูบบุหรี่ และจุดไฟแช็ก

อาการแบตเสื่อม มีอะไรบ้าง?

อาการแบตเตอรี่หมด หรือแบตรถยนต์เสื่อม เป็นปัญหาใกล้ตัวสำหรับคนใช้รถทุกคน ที่จริงแล้วการดูแลแบตเตอรี่และคอยสังเกตอาการแบตเตอรี่เสื่อม สามารถช่วยให้เราเตรียมตัวได้ตั้งแต่เนิ่นๆ โดยครั้งนี้ CARSOME มีอาการแบตเสื่อม ที่พบได้บ่อยๆ มาให้คนใช้รถอย่างเราได้คอยหมั่นสังเกตไปพร้อมกัน ดังนี้ 

  1. รถยนต์สตาร์ทติดยาก หรือต้องใช้เวลาสตาร์ทนานขึ้นกว่าปกติ
  2. ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ทำงานผิดปกติ เช่น ไฟหน้ารถสว่างน้อยลง กระจกรถขึ้น-ลงช้า
  3. เสียงแตรรถเบาลงกว่าปกติ
  4. สัญญาณไฟรูปแบตเตอรี่โชว์บนหน้าปัด

หากเมื่อไรที่พบเจอหนึ่งในอาการเหล่านี้ ก็ขอให้ทุกท่านเตรียมตัวรับมือกับอาการแบตเตอรี่รถเสื่อมที่อาจเกิดขึ้นได้ในอีกไม่ช้า การป้องกันที่ดีที่สุด คือทำการเปลี่ยนแบตรถยนต์ลูกใหม่ นั่นเอง

สายพ่วงแบตเตอรี่ เลือกซื้ออย่างไร?

เมื่อพูดถึงการ พ่วงแบตรถยนต์ การเลือกซื้อสายพ่วงแบตเตอรี่คือสิ่งที่มาควบคู่กัน เพราะเป็นไอเทมสำคัญในการพ่วงแบตรถยนต์นั่นเอง โดยสำหรับข้อแนะนำ ในการเลือกซื้อสายพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์นั้น ควรคำนึงถึง ความยาวของสายพ่วง ซึ่งควรจะเลือกสายพ่วงที่มีความยาวมากเอาไว้ก่อน เช่น 2.5 เมตร, 3 เมตร, 4 เมตร และ 5 เมตร เพราะจะช่วยให้คุณสามารถพ่วงแบตรถยนต์ได้ง่ายขึ้นในสถานการณ์จริง เรียกได้ว่าเหลือดีกว่าขาด เพราะหากสายพ่วงสั้นเกินไป บางครั้งอาจทำให้ไม่สามารถพ่วงแบตได้

นอกจากต้องคำนึงถึงความยาวของสายพ่วงแบตเตอรี่แล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน นั่นก็คือเรื่องของ คุณภาพ ข้อแนะนำในส่วนนี้ ทาง CARSOME แนะนำให้เลือกซื้อสายพ่วงที่มีความหนามากเพียงพอ ไม่เลือกซื้อสายพ่วงที่ตัวสายบางและเบาจนเกินไป เพราะจะส่งผลก่อให้เกิดอันตรายได้ และอย่าลืม เลือกซื้อสายพ่วงแบตเตอรี่ที่มีฉนวนกันความร้อน ปากคีบที่ได้มาตรฐาน และเลือกซื้อจากแบรนด์ที่มีคุณภาพมาตรฐานการผลิตที่ดี สามารถไว้วางใจได้

หากคุณกำลังสนใจจะ ซื้อรถมือสอง หรือ ขายรถคันเดิม แล้วล่ะก็… ที่ CARSOME เสนอราคาให้คุณคุ้มค่าที่สุด! เรามีการดำเนินการที่มีมาตรฐาน โปร่งใส รวดเร็ว ให้คุณซื้อหรือขายรถได้อย่างสบายใจ คลิกที่เว็บไซต์เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย!


Posted

in

บทความน่าอ่าน

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *