อะไรคือสิ่งที่ต้องดูเมื่อซื้อ กล้องติดรถยนต์-ราคาถูก

ทำไหมถึงต้องติดกล้องรถยนต์

กล้องติดรถยนต์ ( Dash Cam ) จะเป็นสิ่งที่จะช่วยเราได้มาก ถ้ารถที่เรากำลังขับอยู่ดันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือมีคนขับรถมาเฉี่ยวชนแล้วเกิดหนีขึ้นมา กล้องตัวนี้ละที่จะช่วยบันทึกภาพวิดีโอผู้ขับขี่ที่กระทำผิดกฎจราจร ใช้เป็นหลักฐานมัดตัวเพื่อชดใช้ค่าเสียหายหรือดำเนินคดีอาญา แล้วยังสามารถแชร์ลงโซเชียล เป็นการเตือนผู้ใช้รถคนอื่น ๆ ได้ด้วย นอกจากนี้การมีกล้องติดรถยนต์นั้น ยังทำให้เราได้รับส่วนลดพิเศษสำหรับ ค่าประกันรถยนต์อีกด้วย

กล้องในปัจจุบันนอกจากจะบันทึกภาพชัดแล้ว ยังมีคุณสมบัติแจ่ม ๆ เสริมอีกมากมายเช่น ระบบแจ้งเตือนเพื่อให้เราขับรถได้ปลอดภัยขึ้น, เชื่อมต่อแอปพลิเคชันกับมือถือ, บันทึกภาพขณะจอด และอีกมากมาย ในบทความนี้เราจะพาคุณเปรียบเทียบ คุณสมบัติของกล้องติดรถแต่ละรุ่น รวมถึงคุณภาพในโหมดกลางคืน มาดูกันว่ากล้องติดรถยนต์ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนดี ที่จะเหมาะกับคุณครับ

อะไรคือสิ่งที่ต้องรู้ก่อนจะซื้อ กล้องติดรถยนต์

ภาพวิดีโอจากกล้องหน้ารถยนต์เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ เราจึงควรเลือกกล้องที่มีคุณภาพ น่าเชื่อถือ มีคุณสมบัติที่ดี แต่กล้องในท้องตลาดมีหลายรุ่นหลายยี่ห้อ เราจะเลือกอย่างไรดี บทความนี้เราจะมาแนะนำ วิธีการเลือกซื้อว่าจะต้องพิจารณาอะไรบ้าง มาดูกันเลยครับ

  1. ความละเอียด ตอนนี้จะนิยมความละเอียดเป็น 2 ล้านพิกเซล Full HD 1080P ( 1920 x 1080 ) แล้วยังมีกล้องรุ่นใหม่ๆ ที่มีความละเอียดสูงถึง 8 ล้านพิกเซล 2160P ( 3840 x 2160 ) มาให้เลือกอีกด้วย การเลือกความละเอียดที่สูงขึ้น จะทำให้ไฟล์วิดีโอที่บันทึกมีขนาดใหญ่ขึ้น และจำเป็นต้องเลือกการ์ดหน่วยความที่เขียนเร็วด้วย แต่เราสามารถปรับการตั้งค่า ลดความละเอียดได้เพื่อให้ไฟล์วิดีโอมีขนาดเล็กลง
  2. เฟรมเรต ( fps ) เป็นจำนวนภาพต่อ 1 วินาที ยิ่งสูง ภาพยิ่งลื่นไหล แต่ก็แลกกับการกินพื้นที่มากขึ้น โดยทั่วไปจะมี 25 – 60 fps การใช้งานโหมด 60 fps บางรุ่นอาจจะทำให้กล้อง ใช้ความละเอียดสูงสุดไม่ได้ จึงควรทดลองก่อนซื้อนะครับ
  3. ค่า f ของเลนส์ เรียกอีกอย่างว่าค่ารูรับแสง ค่ายิ่งน้อยก็จะทำให้รูรับแสงรับแสงเพิ่มมากขึ้น อ่านแล้วอาจจะงงนิด ๆ แนะนำให้เลือกค่า f ให้น้อยนะครับ ค่า f ที่น้อยจะทำให้ภาพเวลากลางคืน สามารถเก็บรายละเอียดได้มากขึ้นและดูสว่างกว่า แต่ก็ทำให้เห็นหลอดไฟหรือที่มีแสง ดูฟุ้งกว่าปกติในเวลากลางคืน
  4. มุมกว้าง ค่ามุมยิ่งสูงยิ่งมองเห็น รถยนต์ด้านข้างได้กว้างมากขึ้น ในหลายสถานการณ์ก็มักจะเกิดชนทางด้านข้าง เราจึงนิยมเลือกให้สูงไว้ก่อน แต่ก็แลกกับความบิดเบี้ยวเพิ่มขึ้น และยังทำให้ดูเลขทะเบียนคันหน้าได้ยากขึ้นอีกด้วย กล้องโดยทั่วไปจะนิยม 120° – 170° องศา เราแนะนำที่ 140° กว้างพอดีและภาพยังไม่บิดเบี้ยวมากจนเกินไป
  5. หน้าจอแสดงผล มีทั้งใหญ่ เล็ก หรือไม่มีเลย จอแสดงผลอาจจะทำให้ บดบังทัศนวิสัยในการขับรถบ้าง จึงมีดีไซน์แบบไม่มีหน้าจอ ควบคุมการทำงานด้วยมือถือ หรือสั่งงานด้วยเสียง แต่สำหรับผู้สูงอายุ หรือคนที่ไม่ค่อยชอบตั้งค่าอุปกรณ์ เรายังคงแนะนำแบบมีจอแสดงผล เพราะใช้งานได้ง่ายและสะดวกกว่า
  6. ตัวยึดกล้อง หลายท่านประสบปัญหาการใช้งาน เนื่องจากตัวยึดกับกระจกที่เป็นแบบสุญญากาศนั้น พอใช้ไปสักระยะก็มักจะหลุดลงมาเองได้ บางยี่ห้อจึงทำเป็นฟิล์มใสให้ติดกระจกก่อน แล้วค่อยเอาแถบกาวที่ตัวยึดไปติดทับอีกครั้ง เวลาถอดกล้องก็ดึงส่วนฟิล์มที่ติดเป็นฐานออก วิธีนี้จะไม่ทำให้ฟิล์มกรองแสงที่ติดรถเสีย
  7. แบตเตอรี่ ช่วยในการสำรองไฟเพื่อให้กล้องบันทึกต่อสักครู่หลังจากดับเครื่องยนต์รถแล้ว แต่ถ้าคุณชอบระบบบันทึกเมื่อมีการเคลื่อนไหวขณะจอด ขอแนะนำให้เลือกแบตเตอรี่ที่มีความจุเยอะ ๆ ไว้ก่อน เนื่องจากต้องจ่ายไฟให้ ระบบเซนเซอร์วัดการสั่นสะเทือนทำงาน
  8. วัสดุ กล้องราคาถูกอาจใช้พลาสติกเกรดที่ติดไฟง่าย ส่วนแบตเตอรี่ก็อาจมีคุณภาพต่ำ พออุณหภูมิสูงขึ้นอาจทำให้ไฟลุกไหม้ได้แบบที่เป็นข่าว อย่าลืมเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ
  9. การรับประกันจากร้านค้า สินค้าออนไลน์หลายรายการอาจมีราคาถูก แต่อาจมีปัญหาเรื่องการรับประกันในภายหลัง การซื้อกับตัวแทนที่ได้มาตรฐาน ที่มีหน้าร้านจะช่วยแก้ปัญหาได้ หรือเลือกยี่ห้อสินค้า ที่มีศูนย์บริการทั่วประเทศ

คุณสมบัติเสริมในกล้องติดรถยนต์ มีอะไรบ้าง

กล้องติดรถยนต์เดี๋ยวนี้ถูกพัฒนาให้มีลูกเล่นที่ไม่ธรรมดาเลย ลองมาอ่านกันดูว่าออฟชั่นเสริมอันไหน ทำหน้าที่อะไรกันบ้าง เพื่อให้เราได้ใช้กล้องอย่างเต็มประสิทธิภาพ

  1. เชื่อมต่อแอปพลิเคชันและมีไวไฟ ช่วยเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการส่งไฟล์วิดีโอ ด้วยการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนมือถือด้วยไวไฟ เพื่อส่งต่อเป็นหลักฐาน หรือแชร์ลงโซเชียลได้ง่ายอีกด้วย ในปี 2020 นี้รุ่นใหม่ ๆ แทบทุกรุ่นมีฟังก์ชันนี้หมดแล้ว
  2. มีระบบ WDR ( Wide Dynamic Range ) หรือ HDR ( High Dynamic Range ) เหมือนโหมดกล้องในมือถือเลย ช่วยให้ควบคุมภาพไม่ให้สว่างหรือมืดเกินไป พร้อมกับทำให้ภาพมีรายละเอียดชัดเจนขึ้น โดยจะทำการถ่าย 2-3 ภาพที่ความสว่างแตกต่างกัน เพื่อเก็บรายละเอียดภาพสว่างและมืดมารวมกันแล้วสร้างภาพใหม่ที่ดีขึ้น ช่วยแก้ปัญหาวัตถุในภาพดูจางไปกับพื้นหลังในที่แสงจ้า วัตถุมืดมากเมื่อย้อนแสงหรือไม่เห็นวัตถุในเวลากลางคืน โหมดนี้ส่วนใหญ่ก็มีมาแทบทุกรุ่นเหมือนกัน
  3. G เซนเซอร์ เป็นเซนเซอร์ที่วัดการสั่นสะเทือน เมื่อเกิดการชนจะสั่งงานให้กล้องบันทึกไฟล์วิดีโอช่วงที่ชนแยกไว้ไม่ให้ถูกบันทึกทับได้ในภายหลัง สามารถปรับระดับการวัดการสั่นสะเทือน G เซนเซอร์ได้ โดยเฉพาะคนที่ขับรถกระชากอาจจะต้องตั้งค่าการวัดสั่นสะเทือนให้ต่ำ ไม่งั้นรับรองว่าการ์ดความจำเต็มไวแน่นอน อันนี้ก็มีมาในทุกรุ่นเหมือนกัน
  4. ระบบบันทึกขณะจอดเมื่อมีการเคลื่อนไหว หากมีการสั่นสะเทือนซึ่งรับรู้ได้จาก G เซนเซอร์ กล้องจะทำการบันทึกภาพที่เกิดขึ้นเช่น มีรถมาชนรถเราที่จอดไว้อยู่แล้วหนีไป มีคนทุบรถเราเพื่อขโมยของ โดยทั่วไประบบใช้งานได้ 24 ชั่วโมง แบตเตอรี่ก็จะหมด
คุณสมบัติเสริมในกล้องติดรถยนต์ มีอะไรบ้าง
  1. ระบุตำแหน่ง GPS แสดง-บันทึก พิกัดที่อยู่และความเร็วในการขับไว้เป็นหลักฐาน สามารถดูพิกัดเพื่อขอความช่วยเหลือได้อีกด้วย บางรุ่นอาจรองรับ GLONASS ดาวเทียมรัสเซีย, BeiDou ดาวเทียมจีน, Galileo ดาวเทียมยุโรป ก็จะทำให้จับสัญญาณได้เร็ว มีความเสถียรมากขึ้น โดยเฉพาะวันที่มีเมฆ-ฝนบดบังสัญญาณ GPS
  2. GPS แบบติดตามการขับขี่ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการตรวจสอบการทำงานของพนักงานที่ขับขี่รถของบริษัท ป้องกันการนำรถออกไปใช้นอกหน้าที่ หรือขับออกนอกเส้นทางที่กำหนด (ในบทความนี้ ยังไม่มีกล้องติดรถยนต์ที่ฟังก์ชันนี้มาแนะนำ)
  3. ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากเลน LDWS และระบบแจ้งเตือนก่อนชนรถด้านหน้า FCWS ช่วยให้เราขับรถได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยการแสดงผลบนหน้าจอพร้อมส่งเสียงร้องเตือนผู้ขับขี่อีกด้วย บางรุ่นอาจจะต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพื่อใช้ระบบนี้ อย่าลืมสอบถามคนขายด้วยนะครับ
  4. ต่อกล้องหลังได้ เดี๋ยวนี้มีหลายรุ่นเลยนะ ที่มาพร้อมกับกับกล้องเสริม เพียงแค่เดินสายตัวกล้องหลัง มาต่อกับกล้องหลักด้านหน้าก็ใช้งานได้แล้ว

คำเตือน ต้องเลือกซื้อ การ์ดหน่วยความจำที่ดี และเหมาะสมมาใช้ด้วย

ผมเห็นใครหลายคน เลือกที่จะประหยัดเงินอีกไม่กี่ร้อยบาท เอาการ์ดหน่วยความจำเก่า ๆ มาใช้ หรือแม้กระทั่งพลาดซื้อการ์ดปลอม ไม่ได้เลือกซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ ไม่ก็เลือกใช้ยี่ห้อที่ไม่ดีหรือรุ่นไม่เหมาะสม เวลาที่เกิดเหตุไม่คาดฝันแล้ว การ์ดหน่วยความจำเกิดเสียขึ้นมาจะเสียดายนะครับ แล้วเดี๋ยวนี้การ์ดหน่วยความจำก็มีรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ทนทานขึ้นอีกด้วย

เลือกซื้อ การ์ดหน่วยความจำที่ดี และเหมาะสมมาใช้ด้วย

Max Endurance ใช้งานได้สูงสุด 30,000 ชั่วโมง เทียบกับ High Endurance 5,000 ชั่วโมง

  1. อย่าลืมดูว่ากล้องรองรับความจุสูงสุดเท่าไหร่ แนะนำให้ซื้อกล้องก่อนแล้วเปิดคู่มือดูเลย ถ้าเราใส่การ์ดหน่วยความจำที่มีความจุมากเกินไป กล้องจะฟ้องว่าไม่เห็นการ์ดแน่นอน ใช้งานไม่ได้นะ แล้วพอใส่การ์ดแล้ว อย่าลืมฟอร์แมตการ์ดก่อนใช้งานด้วยนะ เพราะกล้องบางรุ่นจะมีการจัดระเบียบบนตัวการ์ดใหม่ จะได้ไม่มีปัญหากันนะครับ
  2. เลือกการ์ดรุ่นที่มีความทนทานสูง ลองสังเกตที่แพ็คเกจ จะมีบอกว่าการ์ดรุ่นนี้ เหมาะกับกล้องติดรถยนต์และกล้องวงจรปิดหรือไม่ บางครั้งยังการันตีจำนวนชั่วโมงการใช้งานให้อีก เพราะอุปกรณ์พวกนี้ใช้งานการ์ดหนักมาก เขียนไฟล์วิดีโออยู่ตลอดเวลา จึงต้องเลือกแบบที่มีความทนทาน สำหรับการเขียนมาก
  3. ความเร็วของตัวการ์ด กล้องที่มีความละเอียดสูง ขอแนะนำ Micro SD Card แบบ U3 ที่มีความเร็วในการเขียนสูง สามารถใช้ได้ถึงกล้องระดับ UHD 4K แต่หากคุณใช้ความละเอียดระดับ Full HD แนะนำการ์ดแบบ U1 จะประหยัดเงินไปได้อีกพอสมควร ไม่แนะนำให้ใช้การ์ดรุ่นเก่าที่ต่ำกว่า Class 10 เพราะความเร็วในการเขียนต่ำ อาจทำให้ภาพวิดีโอมีคุณภาพแย่กว่าปกติ
ตารางความเร็วของการ์ดแบบ Class 10 - UHS Class - Video Speed Class

ตารางความเร็วของการ์ดแบบ Class 10 / UHS Class / Video Speed Class


Posted

in

บทความน่าอ่าน

by

Tags:

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *